แล้วลุคน่าก็นึกออก ฟรีเรน ผู้มีส่วนร่วมอย่างมากในการศึกษาวิเคราะห์โซลทราคของมนุษย์ จอมเวทย์ที่กำจัดเผ่าปีศาจไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ฟรีเรนแห่งการลาจาก
สตาร์คและแฟนพากราแนทมารักษาตัวที่โบสถ์ เขาจะให้อภัยจอมเวทย์ที่พามา การตัดสินใจของเธอถูกต้องแล้ว
ในสมัยปู่ของกราแนท พวกเขาช่วยขับไล่กองทัพเผ่าปีศาจในตอนที่เมืองนี้ถูกโจมตี และศัตรูในตอนนั้นก็คือ ปราชญ์แห่งความล่มสลายทั้ง 7 ออราแห่งกิโยตีนด้วยเช่นกัน
ฟรีเรนเองก็กำลังเผชิญหน้ากับออรา กองทัพของออราเพิ่มขึ้นกว่าครั้งก่อน
ตาชั่งแห่งโอวาท คือสาเหตุที่ไม่สามารถเอาชนะออร่าได้มายาวนาน คือเวทมนต์ที่ทำให้อีกฝ่ายสวามิภักดิ์ และควบคุมได้ดั่งใจนึก มันอยู่เหนือความรู้และหลักการของมนุษย์
ออราวางวิญญาณของตนและเป้าหมายไว้บนตาชั่ง แล้ววัดปริมาณพลังเวทย์ ฝั่งที่พลังเวทย์เยอะกว่า จะทำให้อีกฝ่ายยอมสวามิภักดิ์กลายเป็นหุ่นเชิดได้ และจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์จนกว่าร่างกายจะเน่าสลายจนสูญสิ้น
ถ้าวางวิญญาณที่มีพลังเวทย์มากกว่าออร่าบนตาชั่ง ก็คงเอาชนะออร่าได้ แต่กล่าวกันว่า 500 ปีนับตั้งแต่ออร่าดำรงตำแหน่งปราชญ์แห่งความล่มสลายทั้ง 7 ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง
หลังจากที่ฟรีเรนสู้มาได้สักพัก เธอก็ใช้เวทย์ทำให้กองทัพอมตะหมดสภาพไป
สตาร์คก็สั่งให้ท่านเคาท์รออยู่ที่นี่ แฟนไปหาพวกทหารยาม พาชาวเมืองอพยพหนีไป ตัวเขาเองจะไปคุกเข่าขอร้องสุดกำลังเพื่อพาฟรีเรนกลับมา
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเตรียมตัวอยู่นั้น สตาร์คก็สังเกตุเห็นเลือดที่ติดอยู่ที่ผ้าคลุมของแฟน แฟนก็ถอดมันและโยนทิ้งทันที มันมีพลังเวทอยู่ในเลือด แล้วแฟนก็โดนลุคน่าโจมตี สตาร์คเองก็ถูกลิเนียโจมตีจนตกลงไปจากคฤหาสน์
แฟนถูกตรึงไว้กับกำแพง ลุคน่าถามว่าฟรีเรนไปไหน เธอหนีออกนอกเมืองไปแล้ว ระหว่างที่ลุคน่ากำลังคิดว่าทำไม แฟนก็หลุดออกจากพันธนาการ ชี้ไม้เท้าไปที่ลุคน่า อย่าขยับเชียวนะ
เมื่อลุคน่าขยับแฟนก็ยิงใส่ ถ้าไม่ป้องกันโดยสัญชาตญาณ คงทะลุหัวใจไปแล้ว สิ่งนี้ทำให้แฟนรู้ว่าจุดอ่อนก็คือหัวใจ แล้วทั้งสองก็ต่อสู้กัน
เมื่อทางนั้นเริ่มขึ้น ฝ่ายลิเนียการต่อสู้ก็จบลงแล้ว ยังคับ สตาร์คยังคงลุกขึ้นได้อยู่
จอมเวททั้งสองต่อสู้กันได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ลุคน่าไล่ต้อนแฟนด้วยจำนวนการออกเวทล้วนๆ แต่แฟนก็ป้องกันและทำลายมันได้
ลุคน่าจึงคิดว่าจะต่อสู้ยืดเยื้อจนกว่าจะผลาญพลังเวทหมดแล้วกัน แต่ว่าเขาจะถ